ความคลั่งและพฤติกรรมด้อมส้ม

ความคลั่งและพฤติกรรมด้อมส้ม กลายเป็นกระแสในโซเชียล พวกเขาพร้อมที่จะเดินทัพและ

โจมตีใครก็ตามที่พวกเขาเห็น หยาบคายและหยาบคายด้วยคำพูดที่รุนแรง หลายคนเคย

สัมผัสถึงพลังของด้อมส้ม แม้แต่ปิยบุตรแสงกนกกุลเองก็ถูกโจมตีด้วยรองเท้าผ้าใบของส้ม

เพราะไปวิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวหน้าว่าเป็นแฟนตัวยงของสมสัตย์ จนต้องประกาศ

ลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง จะเห็นได้ว่าพวกเขาใช้ศรัทธามากกว่าเหตุผล


ก่อนหน้านี้เราได้เห็นการแสดงออกอันหลากหลายของอันธพาลรุ่นใหม่ที่เชื่อใน

พรรคก้าวไกลไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะแสดงตัวใช้ความรุนแรงและทำลายทรัพย์สิน

สร้างความวุ่นวายทุกที่ที่คุณไป และสุนทรพจน์ที่ใช้ภาษาหยาบคายมากกว่าเสียงร้องต่อสู้

ของผู้มีอารยะในระบอบประชาธิปไตย เราเห็นผู้ก่อการจลาจลที่ไปไกลกว่าการประท้วง

อย่างสันติ


เราเห็นลูกศิษย์ด้อมส้มไปเพื่อไทยในนามของกลุ่มทะลุวังและแสดงความเย่อหยิ่งต่อหน้า

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แห่งพรรคเพื่อไทย จนถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์และประณามจาก

การแสดงออกที่ไม่เป็นผู้ใหญ่ สำนวนดังกล่าวล้วนเป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นในสมัยพรรคก้าวไกล

ยังคงเป็นพรรคอนาคตใหม่ ด้วยการสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่เราเชื่อว่าพวกเขาจะเป็น

อนาคตของประเทศ


แต่เราโทษเด็ก สิ่งเหล่านี้อาจไม่ทำงาน เพราะพวกเขาถูกทดสอบโดยผู้ที่พวกเขาไว้วางใจ

และได้รับคำแนะนำจากกลุ่มบ้าคลั่งของพวกเขา คุณแม่อย่างเจี๊ยบ อมรัตน์ โชคปมิตรกุล

จะออกไปล่าคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง โดยการโพสต์และทวีตข้อมูล

ส่วนบุคคลเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น ชื่อเล่น อายุ วันเกิด เลขที่บ้าน ที่อยู่ หมู่บ้าน

คำอธิบายที่อยู่อาศัย (เช่น สีประตู) สีของรถใช้แล้ว ได้แก่ ชื่อมารดา จำนวนบุตร

พร้อมทั้งระบุรายละเอียดสถานที่ทำงานและหมายเลขโทรศัพท์ที่ทำงาน ตลอดจนบุกรุก

คุกคามสถานที่ทำงาน แม้ว่าเขาจะเป็นบุคคลสาธารณะเขาก็ต้องยอมรับคำวิจารณ์จากสังคม

หากพบว่าการวิพากษ์วิจารณ์ฝ่าฝืนควรดำเนินการทางกฎหมาย


เราเห็นลูกศิษย์ของด้อมส้ม ในประเทศไอซ์แลนด์ปฏิบัติต่อคุณหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์

ด้วยความหยาบคายและขู่ฆ่า เนื่องจากไม่พอใจหมอพรทิพย์ที่ไม่ลงคะแนนให้

พิธา ลำ เจริญรัฐ จึงขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี จากนั้น พรรคก็ช่วยอธิบายว่าเจ้าของร้านอาหาร

(ซึ่งมีรายงานว่าเป็นเพียงหัวหน้าพ่อครัว) มีสิทธิที่จะให้บริการใครก็ตามที่มาที่ร้าน

หรือไม่มาใช้บริการ เราถามคนว่าจะทำแบบนั้นเพียงเพราะจุดยืนทางการเมืองของ

ดร.พรทิพย์ ไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของตนเอง ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยทำอะไรให้ตัวเอง

โกรธ เกลียด หรือทำร้ายตัวเองมาก่อนเลย นี่เป็นพฤติกรรมของคนที่คิดว่าตนอยู่ฝ่าย

ประชาธิปไตยและยอมรับความเห็นต่างหรือไม่


เพราะทั้งพิธาและชัยสวา ตุระตุง หัวหน้าพรรคก้าวหน้าคนใหม่ ยอมรับว่า ดร.ปอนติ

ถูกไล่ออกจากร้านเพราะไม่พอใจที่ปิตาไม่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ชัยวัฒน์บอกว่าเรา

ไม่สนับสนุน แต่นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องของการปฏิบัติต่อผู้ที่ไม่เห็นด้วยทางการเมืองเท่านั้น

แต่เป็นตัวละครที่หลายคนรู้สึกว่าสมาชิกวุฒิสภาไม่เคารพเสียงของเขาในการเลือกตั้ง


พิธา กล่าวว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีที่ไอซ์แลนด์เป็นแฟนตัวยงของคุณหญิงพรทิพย์

แต่สิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับระบบนี้ และระบบที่ทำให้เกิดความขัดแย้งก็มาจากคะแนน

เสียงของประชาชนในการเลือกตั้งและการลงคะแนนเสียงในสภาที่กำหนดซึ่งความล้มเหลว

โดยตรงทำให้เกิดความไม่สะดวกที่จะต้องปล่อยออกมา


 แทนที่จะยอมรับว่าเป็นเพราะกันและกันถูกปลูกฝังจนบ้าคลั่งและไม่สามารถแยกแยะถูกผิด

ได้ ควรเคารพสิทธิของผู้อื่น พวกเขาชอบที่จะตำหนิระบบสำหรับปัญหาของพวกเขา

จนถึงทุกวันนี้พวกเขายังไม่ยอมรับผลการโหวตของนายกรัฐมนตรี แม้ว่า พิธา จะได้รับเสียง

ข้างมากเป็นคนแรกเขาก็ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีและกล่าวหาว่าระบบไม่ง่าย จะเขียนอย่างไร

ที่รู้กฎเกณฑ์ในรัฐธรรมนูญก่อนการเลือกตั้งแล้ว ไม่มีที่ไหนบอกว่าพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง

ได้ส.ส.เยอะที่สุดจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี


จะเห็นได้ว่าแทบทุกครั้งและทุกเรื่องราวที่ทำอะไรผิดมักจะโทษระบบและกฎหมาย

แทนที่จะยอมรับว่าสิ่งที่ทำไม่ถูกต้องจนกลายเป็นเรื่องปกติ เราลองมารวบรวมเรื่องราว

นี้กันดีกว่าเพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว


อ่านข่าวเพิ่มเติม : ข่าวด่วน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้